• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Prichas, April 06, 2023, 08:32:18 AM

Previous topic - Next topic

Prichas

1. ด้วยเหตุว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

พวกเรามิได้ทำงานแล้วแฮปปี้วันแล้ววันเล่า บ่อยครั้งที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และก็ยังรวมทั้งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะก่อให้จิตใจเบิกบานขึ้น และก็ เพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ดำเนินงานส่วนมากมักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ แล้วก็ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ เดี๋ยวนี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเรานับถือที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยต่างๆนาๆ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำงานทำการ คอยสั่งคนนู้นหนคนนี้ครั้ง แต่ว่าพอได้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะมิได้ยังไง ทำไมน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าเกิดให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากดำเนินงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่แค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

เพียงแค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

หลายท่านเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนอกเหนือจากที่จะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย สหายเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นส่งผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามาเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราณพด้วย ด้วยเหตุว่า ส่วนใหญ่คนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ เอาใจใส่ แต่ว่า... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นๆมาอิจฉาริษยา

ตอนปีให้หลังมานี้ เพื่อนพ้องเราหลายท่านเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางทีเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากยิ่งกว่าเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนคนไม่ใช่น้อยบางครั้งก็อาจจะกำลังริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าปลายทางเราอยากได้อะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูลู่วิ่งผู้อื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาตั้งใจจนกลุ้มใจพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนใด แม้กระนั้น... มีความหมายว่า " เราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสถานที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) โดยมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียทีเลยจ้า มีคนรอซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตัวเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้พวกเราดีกว่ามากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่เคยทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินงานกับคนใดกัน ด้วยเหตุนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการปฏิบัติงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านขณะแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าเรื่องมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยโดนดุเดี๋ยวนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 เยอะแยะ หากแม้จะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก และ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนใหญ่พร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาสหายย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราเป็นไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาสหาย ฉะนั้นวันๆพวกเราก็เลยจะพบแค่เพื่อนพ้องร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากรวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น

เสวนาแลกความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " คืออะไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และก็การหาเพื่อนฝูงในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากขนาดไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาสหาย ด้วยเหตุนั้นวันๆพวกเราก็เลยจะพบเพียงแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ เรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าอย ากบรรลุความสำเร็จ และก็ มีความสุข ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงจำนวนหนึ่ง " นั่นถือว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงงานนั้นๆ

เราจะต้องรู้ว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และก็ ทำมันให้ดียิ่งกว่าที่บริษัทมุ่งมาดถ้าหากปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


น่าจะหางานที่เราทำแล้วพวกเรามีความสุขและทำเป็นดีเพื่อดึงสมรรถนะของตนออกมาให้มากที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้เราปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ หากท้ายที่สุดเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ เดี๋ยวนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุมากขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับความสบายของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/